science of meditation brain cellular changes

“ฝึกสมาธิ” วิทยาศาสตร์การเปลี่ยนแปลงสมองและเซลล์

การฝึกสมาธิส่งผลลึกถึงระดับเซลล์และสมองอย่างไร? ค้นพบวิทยาศาสตร์เบื้องหลังความสงบ ที่ช่วยลดเครียด เพิ่มสมาธิ และอาจช่วยยืดอายุขัยเททโลเมียร์ของคุณได้ 1 min


0

เคยรู้สึกไหมว่าในแต่ละวัน สมองของเราต้องประมวลผล ข้อมูลมหาศาลจนแทบระเบิด? ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ หลายคนหันไปหา “การฝึกสมาธิ” โดยมองว่าเป็นเพียงเครื่องมือผ่อนคลาย แต่ถ้าเราบอกว่า การนั่งนิ่ง ๆ และอยู่กับลมหายใจเพียงไม่กี่นาทีต่อวัน สามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างสมองและส่งผลดีไปถึงระดับเซลล์ได้ล่ะ?

นี่ไม่ใช่เรื่องของความเชื่ออีกต่อไป แต่เป็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์สมัยใหม่พิสูจน์ได้ วันนี้ The HealthSpan จะพาไขความลับการฝึกสมาธิ ที่ส่งผลลึกถึงระดับเซลล์และสมอง เรียนรู้วิทยาศาสตร์เบื้องหลังการเจริญสติ ที่ช่วยลดความเครียด เพิ่มสมาธิ และอาจเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยให้แก่ช้าลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เตรียมพบกับความมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นในร่างกาย เมื่ออนุญาตให้ตัวเองได้ “สงบ” อย่างแท้จริง

การฝึกสมาธิเปลี่ยนโครงสร้างสมองได้อย่างไร

ในอดีต เราเชื่อว่าสมองจะหยุดพัฒนาเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ปัจจุบันเรารู้แล้วว่านั่นไม่เป็นความจริง สมองของเรามีความสามารถ ในการเปลี่ยนแปลงและปรับตัวได้ตลอดชีวิต ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เรียกว่า Neuroplasticity และการทำสมาธิ ก็คือหนึ่งในเครื่องมือที่ทรงพลังที่สุดในการ “รีโนเวท” สมองของเรา

งานวิจัยทางประสาทวิทยาศาสตร์จำนวนมาก โดยเฉพาะงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันน่าทึ่งระหว่างสมาธิกับสมอง โดยพบว่าการฝึกสมาธิเป็นประจำ สามารถเปลี่ยน “สถาปัตยกรรม” ของสมองในส่วนสำคัญ ๆ ได้แก่

สมองส่วนหน้า (Prefrontal Cortex) หนาตัวขึ้น

สมองส่วนนี้เปรียบเสมือน CEO ของร่างกาย ทำหน้าที่ในการตัดสินใจ การวางแผน การควบคุมอารมณ์ และการมีสมาธิจดจ่อ การที่สมองส่วนนี้หนาตัวขึ้น หมายความว่า เราจะกลายเป็นคนที่มีเหตุผลมากขึ้น ควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น และมีสมาธิในการทำงานดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

อมิกดาลา (Amygdala) มีขนาดเล็กลง

อมิกดาลาคือศูนย์บัญชาการ “สู้หรือหนี” (Fight-or-Flight) ของสมอง เป็นส่วนที่ตอบสนองต่อความกลัว ความเครียด และความวิตกกังวล งานวิจัยพบว่าคนที่ฝึกสมาธิเป็นประจำ มีอมิกดาลาที่เล็กลงและทำงานน้อยลง ผลลัพธ์คือคุณจะกลายเป็นคนที่สงบขึ้น ตอบสนองต่อความเครียดได้ดีขึ้น ไม่หัวร้อนหรือตื่นตระหนกง่ายเหมือนเคย

ฮิปโปแคมปัส (Hippocampus) มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้น

ส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อการเรียนรู้และความทรงจำ การฝึกสมาธิช่วยเพิ่มความหนาแน่นของสสารสีเทา (Gray Matter) ในฮิปโปแคมปัส ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้และจดจำข้อมูลต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น

จะเห็นได้ว่า นี่คือหนึ่งในประโยชน์ของการทำสมาธิ ที่จับต้องได้และน่าทึ่งที่สุด สมองของเราไม่ได้แค่ “รู้สึก” ดีขึ้น แต่มัน “เปลี่ยนแปลง” ในระดับกายภาพจริง ๆ

Neuroplasticity เมื่อสมองสร้างเส้นทางใหม่เพราะความสงบ

ลองจินตนาการว่าความคิดหรือพฤติกรรมที่ทำซ้ำ ๆ ก็เหมือนการเดินย่ำบนผืนป่า ในเส้นทางเดิม ๆ ทุกวัน จนกลายเป็นถนนที่เรียบเตียน และเดินทางได้สะดวก เส้นทางประสาทในสมองของเราก็เช่นกัน เมื่อเราเครียดและคิดลบซ้ำ ๆ เรากำลังสร้าง “ถนนแห่งความเครียด” ที่แข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เรากลับเข้าไปสู่วงจรนั้นได้ง่ายขึ้น

การฝึกสมาธิ เปรียบเสมือนการที่เราตัดสินใจที่จะสร้าง “เส้นทางใหม่” ที่เงียบสงบและร่มรื่น ทุกครั้งที่เราดึงสติกลับมาอยู่กับลมหายใจ คือการที่เรากำลังถางหญ้า และวางอิฐก้อนแรก บนเส้นทางแห่งความสงบ เมื่อทำซ้ำ ๆ ทุกวัน เส้นทางใหม่นี้จะกว้างขึ้น และเดินทางสะดวกขึ้น ในขณะที่ “ถนนแห่งความเครียด” สายเก่าที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ก็จะค่อย ๆ รกร้างและเลือนหายไป นี่คือหัวใจของ Neuroplasticity ที่เราสามารถ “ตั้งโปรแกรม” สมองของเราใหม่ได้ด้วยตัวเอง

สมาธิกับเทโลเมียร์และการชะลอวัย

หากการเปลี่ยนแปลงของสมองยังน่าทึ่งไม่พอ วิทยาศาสตร์ยุคใหม่ยังค้นพบว่า ประโยชน์ของการทำสมาธินั้นลึกลงไปกว่านั้นอีก คือส่งผลถึงระดับเซลล์ และอาจเกี่ยวข้องโดยตรง กับการยืดอายุขัยที่มีสุขภาพดี (Healthspan) ของเราผ่านสิ่งที่เรียกว่า “เทโลเมียร์ (Telomeres)”

เทโลเมียร์คืออะไร?

ให้นึกภาพปลายพลาสติกที่หุ้มเชือกรองเท้า หน้าที่ของมันคือ ป้องกันไม่ให้เชือกรองเท้าหลุดลุ่ย เทโลเมียร์ก็ทำหน้าที่คล้ายกัน โดยเป็นปลอกหุ้มปลายสุดของโครโมโซมใน DNA ของเรา ทำหน้าที่ปกป้องข้อมูลทางพันธุกรรมไม่ให้เสียหาย ทุกครั้งที่เซลล์แบ่งตัว เทโลเมียร์จะหดสั้นลงเรื่อย ๆ จนเมื่อมันสั้นเกินไป เซลล์จะเข้าสู่ภาวะชราภาพ (Senescence) และหยุดแบ่งตัวในที่สุด ดังนั้น ความยาวของเทโลเมียร์ จึงเป็นตัวบ่งชี้ “อายุขัยของเซลล์” และสัมพันธ์กับความแก่ชราและโรคภัยต่าง ๆ

สมาธิเข้ามาเกี่ยวข้องกับเทโลเมียร์ได้อย่างไร?

ตัวการสำคัญ ที่เร่งให้เทโลเมียร์สั้นลงอย่างรวดเร็วก็คือ “ความเครียดเรื้อรัง” และฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) แต่ข่าวดีก็คือ ร่างกายของเรามีเอนไซม์ที่ชื่อว่า “เทโลเมอเรส (Telomerase)” ซึ่งสามารถซ่อมแซมและต่อความยาวให้เทโลเมียร์ได้

งานวิจัยที่ได้รับรางวัลโนเบลโดย Dr. Elizabeth Blackburn พบความเชื่อมโยงที่น่าทึ่งว่า การฝึกสมาธิและการเจริญสติ สามารถเพิ่มการทำงานของเอนไซม์เทโลเมอเรสได้! พูดง่าย ๆ ก็คือ เมื่อเราทำสมาธิ เรากำลัง

  • ลดความเครียด ทำให้ระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลลดลง ชะลออัตราการหดสั้นของเทโลเมียร์
  • เพิ่มเทโลเมอเรส กระตุ้นให้ร่างกายสร้าง “ทีมซ่อมบำรุง” ขึ้นมาปกป้องและต่อเติมความยาวให้เทโลเมียร์

แม้การทำสมาธิจะไม่ใช่ยาอายุวัฒนะ ที่ทำให้เราเป็นอมตะ แต่ก็คือเครื่องมือทางชีววิทยา ที่เราทุกคนสามารถเข้าถึงได้ เพื่อช่วยปกป้องรหัสพันธุกรรมของเรา จากความเสื่อมที่เกิดจากความเครียดในชีวิตประจำวัน

การฝึกสมาธิ ไม่ใช่แค่การนั่งหลับตา เพื่อหนีความวุ่นวายชั่วครู่ แต่คือการฝึกฝนสมองและร่างกายอย่างจริงจัง (Brain & Body Training) ที่วิทยาศาสตร์ให้การยอมรับ ผลลัพธ์คือการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสมอง ที่ทำให้เราฉลาดขึ้น สงบขึ้น และมีความสุขมากขึ้น ไปจนถึงการปกป้องสุขภาพในระดับเซลล์ ที่อาจช่วยให้เรามีชีวิตที่ยืนยาวและแข็งแรงกว่าเดิม

ไม่ต้องรอให้พร้อม ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ราคาแพง เพียงเริ่มต้นวันนี้ ด้วยเวลาแค่ 5-10 นาที เพื่อให้สมองและเซลล์ของคุณได้ขอบคุณในอนาคต

——————–

แหล่งข้อมูลอ้างอิง 

  • Hölzel, B. K., Carmody, J., Vangel, M., Congleton, C., Yerramsetti, S. M., Gard, T., & Lazar, S. W. (2011). Mindfulness practice leads to increases in regional brain gray matter density. Psychiatry Research: Neuroimaging, 191(1), 36–43. 
  • Jacobs, T. L., Epel, E. S., Lin, J., Blackburn, E. H., Wolkowitz, O. M., Bridwell, D. A., … & Saron, C. D. (2011). Intensive meditation training, immune cell telomerase activity, and psychological mediators. Psychoneuroendocrinology, 36(5), 664–681. 
  • Davidson, R. J., & Lutz, A. (2008). Buddha’s brain: Neuroplasticity and meditation. IEEE signal processing magazine, 25(1), 176-174.


Like it? Share with your friends!

0
Piyawan