“บ้าน” ที่เราใช้อยู่อาศัยเป็นประจำทุกวัน อาจเป็นแหล่งสะสมของสารพิษที่ไม่คาดคิด และสามารถบั่นทอนสุขภาพของเราได้อย่างเงียบ ๆ และต่อเนื่อง หลายคนอาจจะออกกำลังกาย กินคลีน เสริมวิตามินต่าง ๆ แต่กลับมองข้าม “สิ่งแวดล้อม” รอบตัว ที่ส่งผลต่อสุขภาพเซลล์ของเราโดยตรง
The HealthSpan จะมาพูดถึงแนวคิดที่น่าสนใจอย่าง Biohacking Your Home ซึ่งคือการที่เราจะลงมือ “แฮก” หรือปรับแต่งสภาพแวดล้อมในบ้านของเรา ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีที่สุด ปกป้องเซลล์จากการถูกทำลาย และช่วยให้เรามีสุขภาพองค์รวม ที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ใครที่สนใจการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม และการป้องกันโรคจากต้นตอ ห้ามพลาดบทความนี้ มาดู 5 วิธีง่าย ๆ ในการ ลดสารพิษในบ้านของคุณกัน
Biohacking บ้าน คืออะไร? ทำไมต้องสนใจ?
คำว่า “Biohacking” อาจจะฟังดูซับซ้อน แต่จริง ๆ แล้วคือการที่เราใช้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และข้อมูลต่าง ๆ มา “ปรับแต่ง” ร่างกายและสิ่งแวดล้อมของเรา เพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หรือมีสุขภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม และเมื่อนำมาใช้กับ “บ้าน” ของเรา มันก็คือการที่เราตั้งใจออกแบบ หรือปรับปรุงพื้นที่อยู่อาศัยให้เป็น “โอเอซิสแห่งสุขภาพ” ที่ปราศจากสิ่งกระตุ้นที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
ในแต่ละวัน เราใช้เวลาอยู่ในบ้านมากกว่า 70-90% ของชีวิต! ไม่ว่าจะเป็นการนอนหลับ ทำงาน พักผ่อน กินอาหาร ดังนั้นคุณภาพของอากาศ น้ำ อาหาร และแม้กระทั่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในบ้าน ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพเซลล์ ฮอร์โมน การทำงานของสมอง และระบบภูมิคุ้มกันของเรา การละเลยสิ่งเหล่านี้อาจนำไปสู่ปัญหาเรื้อรัง เช่น ภูมิแพ้ ไมเกรน เหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน หรือแม้แต่โรคที่ร้ายแรงกว่านั้น การลดสารพิษในบ้าน จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดอย่างหนึ่ง เพื่อสุขภาพองค์รวมของคุณ
5 วิธีง่ายๆ ในการ Biohacking บ้าน เพื่อสุขภาพที่ดีกว่า
1.จัดการมลพิษทางอากาศภายในบ้าน
เราทุกคนรู้ว่า มลพิษทางอากาศภายนอกบ้านแย่แค่ไหน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าอากาศภายในบ้าน อาจแย่กว่าถึง 2-5 เท่า? สารพิษในอากาศภายในบ้านมาจากหลายแหล่ง เช่น
- สารระเหยอินทรีย์ (VOCs) จากสีทาบ้าน เฟอร์นิเจอร์ใหม่ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด สเปรย์ปรับอากาศ
- ฝุ่น PM2.5 และสารก่อภูมิแพ้ จากภายนอก เครื่องปรับอากาศ พรม ผ้าห่ม สัตว์เลี้ยง
- เชื้อราและแบคทีเรีย จากความชื้น
- ควันจากการทำอาหาร โดยเฉพาะการปิ้งย่างหรือทอด
วิธี Biohacking อากาศในบ้าน
- เปิดหน้าต่างระบายอากาศเป็นประจำ อย่างน้อย 10-15 นาทีต่อวัน เพื่อให้อากาศถ่ายเท โดยเฉพาะหลังทำความสะอาดหรือทาสี
- ใช้เครื่องฟอกอากาศประสิทธิภาพสูง เลือกที่มีแผ่นกรอง HEPA และ Activated Carbon เพื่อดักจับทั้งฝุ่น กลิ่น และ VOCs โดยเฉพาะในห้องนอนและห้องนั่งเล่น
- ปลูกต้นไม้ฟอกอากาศ ต้นไม้บางชนิด เช่น ต้นลิ้นมังกร พลูด่าง หรือเดหลี สามารถช่วยดูดซับสารพิษในอากาศได้ (แต่ต้องดูแลไม่ให้เกิดเชื้อราในกระถาง)
- ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติ หลีกเลี่ยงน้ำยาทำความสะอาดที่มีสารเคมีรุนแรง ลองใช้น้ำส้มสายชู เบกกิ้งโซดา หรือน้ำมันหอมระเหยแทน
- เลือกเฟอร์นิเจอร์และสีทาบ้านที่ปลอด VOCs มองหาฉลาก “Low VOC” หรือ “Zero VOC” เมื่อซื้อของเข้าบ้าน
- ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ ดูดฝุ่นด้วยเครื่องดูดฝุ่น ที่มีแผ่นกรอง HEPA เช็ดทำความสะอาดพื้นผิว เพื่อลดการสะสมของฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้
2. ดื่มน้ำสะอาดไร้สารปนเปื้อน
น้ำคือส่วนประกอบสำคัญของเซลล์เรากว่า 70% การดื่มน้ำที่ปนเปื้อนสารเคมี หรือโลหะหนักเป็นประจำ จะส่งผลเสียต่อการทำงานของเซลล์ ตับ ไต และสมองของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สารพิษที่พบในน้ำปะปาอาจรวมถึงคลอรีน สารไตรฮาโลมีเทน (Trihalomethanes – ผลิตภัณฑ์พลอยได้จากคลอรีน) โลหะหนัก ยาฆ่าแมลง และยาปฏิชีวนะต่าง ๆ
วิธี Biohacking น้ำในบ้าน
- ลงทุนในเครื่องกรองน้ำคุณภาพสูง สำหรับน้ำดื่ม ควรเลือกเครื่องกรอง ที่สามารถกำจัดคลอรีน โลหะหนัก แบคทีเรีย ไวรัส และสารเคมีต่าง ๆ ได้ เช่น ระบบ Reverse Osmosis (RO) หรือเครื่องกรองที่มี Carbon Block และ Ultrafiltration (UF)
- พิจารณาเครื่องกรองน้ำสำหรับอาบ ผิวหนังของเราก็ดูดซับคลอรีนและสารเคมีอื่น ๆ ได้เช่นกัน โดยเฉพาะตอนอาบน้ำอุ่น การติดตั้งเครื่องกรองน้ำสำหรับฝักบัวอาบน้ำ จะช่วยลดการสัมผัสสารเคมีเหล่านี้ได้
3. หลีกเลี่ยงพลาสติกและสารเคมีจากภาชนะบรรจุอาหาร
พลาสติกหลายชนิด โดยเฉพาะชนิดที่ใช้แล้วทิ้ง หรือพลาสติกที่มีรอยขีดข่วน สามารถปล่อยสารเคมีที่เป็นอันตรายออกมาปนเปื้อนอาหารและเครื่องดื่มได้ สารเหล่านี้รวมถึง BPA (Bisphenol A) และ Phthalates ซึ่งเป็นสารรบกวนฮอร์โมน (Endocrine Disruptors) ที่เชื่อมโยงกับปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคอ้วน เบาหวาน และปัญหาการเจริญพันธุ์
วิธี Biohacking การกินในบ้าน
- ลดการใช้พลาสติกในครัว แทนที่ภาชนะพลาสติกด้วยแก้ว สเตนเลส หรือเซรามิก สำหรับเก็บอาหารและเครื่องดื่ม
- หลีกเลี่ยงการอุ่นอาหารด้วยพลาสติกในไมโครเวฟ ความร้อนจะเร่งให้สารเคมีจากพลาสติกละลายออกมา
- ใช้เขียงไม้หรือเขียงแก้วแทนเขียงพลาสติก เพื่อลดการปนเปื้อนของไมโครพลาสติก
- เลือกซื้ออาหารที่บรรจุในภาชนะแก้วหรือกระดาษ
4. ลดแสงสีฟ้าและสร้างบรรยากาศที่ส่งเสริมการนอนหลับ
แสงสีฟ้าจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ทั้งโทรศัพท์ แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ และโทรทัศน์ สามารถรบกวนการผลิตฮอร์โมนเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่สำคัญต่อการนอนหลับ การนอนหลับที่ไม่เพียงพอหรือไม่มีคุณภาพ ส่งผลกระทบอย่างมากต่อสุขภาพองค์รวม ฮอร์โมน อารมณ์ และความสามารถในการซ่อมแซมเซลล์
วิธี Biohacking การนอนหลับในบ้าน
- ลดการใช้หน้าจอ 2-3 ชั่วโมงก่อนนอน หากเลี่ยงไม่ได้ ให้ใช้โหมด Night Shift หรือติดตั้งโปรแกรมลดแสงสีฟ้า
- ใช้แว่นตาบล็อกแสงสีฟ้า หากจำเป็นต้องทำงานหน้าจอในเวลากลางคืน
- สร้างห้องนอนให้มืดสนิท ใช้ผ้าม่านทึบแสง ปิดไฟทุกดวง และใช้เทปปิดไฟแสดงสถานะเล็ก ๆ บนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
- ควบคุมอุณหภูมิห้องนอนให้เย็นสบาย ประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส
- ลดเสียงรบกวน อาจใช้ที่อุดหู หรือเปิดเสียง White Noise เพื่อกลบเสียงรบกวน
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารมื้อหนัก หรือคาเฟอีนก่อนนอน
5. จัดการคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF)
ในบ้านสมัยใหม่เต็มไปด้วยอุปกรณ์ไฟฟ้า และไร้สายที่ปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (EMF) ออกมาตลอดเวลา เช่น Wi-Fi, โทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, ไมโครเวฟ แม้ว่าผลกระทบระยะยาวของ EMF ต่อสุขภาพมนุษย์ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ แต่การลดการสัมผัส EMF เป็นสิ่งที่นัก Biohacker หลายคนให้ความสำคัญ เพื่อปกป้องเซลล์จากการถูกรบกวน
วิธี Biohacking ลด EMF ในบ้าน
- ปิด Wi-Fi Router ในเวลากลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้า Router อยู่ใกล้ห้องนอน
- ใช้สาย LAN แทน Wi-Fi สำหรับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่สามารถเชื่อมต่อด้วยสายได้
- วางโทรศัพท์มือถือให้ห่างจากตัว โดยเฉพาะเวลาที่คุณไม่ได้ใช้งาน หรือขณะนอนหลับ
- ถอดปลั๊กอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งาน เพื่อลด “Electrosmog”
- ลดการใช้ไมโครเวฟ หรือใช้ในระยะห่างที่เหมาะสมขณะใช้งาน
การ Biohacking บ้าน คือการมองว่าบ้านของเรา เป็นมากกว่าแค่ที่พักอาศัย แต่คือ “เครื่องมือ” ชิ้นสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมหรือบั่นทอนสุขภาพของเราได้ การที่เราตั้งใจลดสารพิษในบ้าน และสร้างสภาพแวดล้อมที่สะอาด ปลอดภัย และเอื้อต่อการฟื้นฟูร่างกาย เป็นการลงทุนในสุขภาพองค์รวม ที่จะให้ผลตอบแทนมหาศาล
เริ่มต้นง่าย ๆ จากการเลือกทำทีละวิธีที่คุณสามารถทำได้ ไม่ต้องรีบร้อน แล้วคุณจะสังเกตได้ถึงความแตกต่าง ทั้งด้านพลังงาน อารมณ์ การนอนหลับ และความรู้สึกสดชื่นในทุก ๆ วัน เพราะบ้านของเราควรเป็นสถานที่ที่เราจะรู้สึกปลอดภัยและได้รับการฟื้นฟูอย่างแท้จริง ไม่ใช่แหล่งสะสมสารพิษที่คอยบั่นทอนสุขภาพ
——————–
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
- Environmental Protection Agency (EPA). (n.d.). Indoor Air Quality.
- World Health Organization (WHO). (n.d.). Electromagnetic fields and public health.
- Harvard Health Publishing. (2018). Phthalates: Are these chemicals making us sick?
- National Institute of Environmental Health Sciences (NIEHS). (n.d.). Bisphenol A (BPA).
